Thursday, August 17, 2023

สุขสันต์วันเกิด...

                  

                 ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะที่คุณได้ก้าวข้ามผ่านแต่ละช่วงชีวิตที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาของความสุข  ความสนุก  ความตื่นเต้น ท้าทาย ความโศกเศร้า ความทุกข์ ความกังวล ความขุ่นข้องหมองใจ ฯลฯ กับมรสุมชีวิตที่ถาโถมเข้ามาเป็นช่วงๆ

                 สรรพสิ่งบนโลกกลมๆใบนี้ มักจะมีอะไรต่อมิอะไรมาให้คุณ เซอร์ไพรส์อยู่เสมอ กี่ร้อน กี่หนาวกันแล้วคะ  จำกันได้ไหมเอ่ย...?
  • แล้วในเวลาที่คุณมีความสุข หรือมีความทุกข์ประเดประดังเข้ามา
  • ช่วงเวลาเหล่านั้นคุณคิดถึงใครกันบ้างคะ ? 
  • แล้วใครกันที่คอยชื่นชมยินดีและเคียงข้างในวันที่คุณประสบความสำเร็จ ?
  •  ใครกันคะที่คอยปลอบประโลมคุณในวันที่คุณทุกข์ใจ ท้อใจและเสียใจ....?
                    .....ลองทบทวนดูค่ะ   1...2...3...หรือหลายคนอาจจะมีมากกว่านั้น .... 

                  แต่คนที่ใกล้ชิดและรู้จักและเข้าใจคุณดีที่สุดก็คือคนที่ทะนุถนอมดูแลคุณมาตั้งแต่อยู่ในท้อง ตลอดเวลาตั้งแต่ตั้งท้อง จนกระทั่งวันที่คุณลืมตาออกมาดูโลกกลมๆ ใบนี้แล้วตะโกนอย่างสุดเสียงว่า....แย่ !  (อุแว้ !)

                   คนนั้น...คนที่คอยโอบอุ้มประคับประคองคุณไว้ ป้อนข้าวป้อนน้ำ คอยพยาบาลเยียวยาในยามที่คุณเจ็บไข้ได้ป่วย ปรนนิบัติพัดวีดูแลคุณ โดยที่ยุงไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม และยังเป็นครูคนแรกในชีวิตที่คอยชึ้แนะ แนวทางที่ถูกต้องในการดำเนินชีวิตให้กับคุณ แม้ในบางครั้งคำแนะนำเหล่านั้น อาจจะขัดจิตคุณบ้างก็ตามที
                     หลายๆครั้งที่คุณไม่เชื่อฟัง ขัดคำสั่งจนถูกทำโทษ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าในเรื่องเดิมๆ ถ้าไม่เป็นผลจากคำแนะนำพร่ำสอนต่างๆ อย่างอดทนพร้อมกับเสียงบ่นซ้ำซาก( แต่ไม่ค่อยอยากจะปฏิบัติตามสักเท่าไหร่ ) จนจำได้ขึ้นใจ  อย่างที่ผ่านมานั้นจนถึงวันนี้  คุณก็คงจะไม่ได้ยืนผงาดท้าลมร้อนเหงื่ออาบกายกันอย่างทุกวันนี้เป็นแน่...

สิ่งที่ควรทำ....
ในวันสำคัญของคุณในแต่ละขวบปี
  • ตื่นเช้ามาทำบุญตักบาตร สังฆทาน (ตามกำลังทรัพย์และจิตศรัทธา) กรวดน้ำ แผ่เมตตา อุทิศส่วนกุศลให้บรรพบุรุษที่ล่วงลับ และเจ้ากรรมนายเวร เพื่อเป็นศิริมงคล
  • กราบเท้าคุณพ่อ คุณแม่ที่ให้กำเนิด หรือ บุพการีที่ดูแลคุณมาตั้งแต่เเล็กแต่น้อย
  • ระลึกถึงบุญคุณของท่านที่ได้ดูแลอบรมเลี้ยงดูคุณมาเป็นอย่างดี
  • ตอบแทนบุญคุณของท่าน ดูแลปรนนิบัติเอาใจท่านหลายคนไม่รู้จะเริ่มอย่างไรดีอาจจะมีเขินบ้างในบางครอบครัว เริ่มจาก...กอดและบอกรักท่านนี่ล่ะค่ะง่ายๆไม่ต้องซื้อต้องหาให้วุ่นวาย แค่นี้ท่านก็ปลื้มจนน้ำตาปริ่มแล้วล่ะค่ะ บางท่านอาจจะพอมีสตางค์ ก็จัดไปเลยค่ะ อาหารนอกบ้านหรือในบ้านสักมื้อ ตามสะดวก หรือพาไปเปิดหู เปิดตาบ้างตามอัธยาศัยแล้วแต่จะเห็นสมควร...
ไม่ยากเลยใช่ไหมคะเล็กๆ น้อยๆ ก็ทำให้หัวใจของคุณพ่อ คุณแม่ของคุณได้พองโตขึ้นมาได้บ้าง

          คนเรานี่ก็เหมือนต้นไม้ล่ะค่ะได้น้ำบ้างก็สดชื่นดี น้ำธรรมดานี่ล่ะค่ะไม่ต้องปรุงแต่งจนร้อนจัดหรือเย็นจัด เอาที่พอดีๆ ในที่นี้หมายถึง การแสดงออกว่ารักและเคารพท่านไม่ว่าจะเป็นการแสดงออกทั้งทางกาย วาจา ใจ ด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน ท่านจะได้อยู่เป็นร่มโพธิ์ ร่มไทรให้คุณไปนานๆ
  • หลังจากนั้นคุณจะสุดสวิงริงโก้ กับบรรดาเพื่อนๆ หรือหวานใจก็แล้วแต่สะดวก หรือบางท่านอาจจะขอตัวไปปลีกวิเวกเพียงคนเดียวก็ไม่ว่ากันค่ะ...
           ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์ทั้งหลายในสากลโลก จงดลบันดาลคุณให้มีความสุข ความสมหวังในสิ่งที่คุณหมายมาดปรารถนา ขอให้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ธุรกิจ การศึกษา มีสุขภาพพลานามัยที่สมบูรณ์แข็งแรง ขอให้โชคลาภ ผลกำไรเงินทองไหลมาไม่ขาดสาย....

            แต่ก็ไม่ควรนั่งรอโชคชะตาฟ้าลิขิตเพียงอย่างเดียวนะคะ...ต้องมี ศรัทธา...มุ่งมั่น...และลงมือทำด้วยค่ะ แล้วสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตลอดถึงจักรวาลจะส่งเสริมคุณ....สุขสันต์วันเกิดค่ะ





5 เลือก 5 เลี่ยง

ใส่ใจกับสุขภาพจิตกันไปบ้างแล้วเป็นอย่างไรกันบ้างคะ ?

ถึงคราวที่คุณควรจะต้องหันมาใส่ใจกับสุขภาพกายกันสักนิดแล้วล่ะค่ะ

เมื่อสุขภาพจิตของคุณเริ่มแข็งแรงขึ้นมาแล้ว สุขภาพร่างกายของคุณก็จำเป็นที่จะต้องใส่ใจไม่น้อยไปกว่ากันเลยค่ะ ถ้าดูแลควบคู่กันไปก็จะเป็นผลดีกับตัวคุณมากมายเลยทีเดียว
เหตุผลที่ควรเลือกกินอาหารเพื่อสุขภาพ
  • จะช่วยทำให้คุณดูดีขึ้นทั้งตัว เพราะร่างกายที่เปี่ยมไปด้วยสารอาหาร และวิตามินจะส่งผลให้ผมของคุณเป็นประกายและผิวพรรณผุดผ่องอย่างเป็นธรรมชาติ
  • อารมณ์ของคุณก็จะพลอยดีตามไปด้วยค่ะไม่ขึ้นๆ ลงๆ เพราะฤทธิ์คาเฟอีน หรือ จากระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ
  • จะช่วยให้คุณมีแรงทำอะไรต่อมิอะไรได้อีกเยอะ เพราะว่าอาหารสุขภาพนั้นเป็นอาหารที่ให้พลังงานสูง
  • ช่วยให้คุณเจ็บป่วยได้น้อยลง อาหารดีๆ นั้น ก็เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดในเรื่องของการปลอดจากโรคภัยไข้เจ็บอีกด้วยค่ะ
  • คุณยังได้ช่วยดูแลสิ่งแวดล้อมไปในตัวด้วย เพราะว่าอาหารสุขภาพส่วนใหญ่ผลิตด้วยระบบปลอดสารพิษ เท่ากับได้ช่วยดูแลสิ่งแวดล้อม และช่วยเหลือเกษตรกรที่ทำการเกษตรแบบอินทรีย์ ไปในตัวด้วยนะคะเป็นแนวทางที่ดีสำหรับผู้ที่รักสิ่งแวดล้อมเช่นคุณ
เหตุผลเหล่านี้น่าจะเพียงพอที่จะทำให้คุณหันมาใส่ใจกับสุขภาพกันขึ้นมาบ้างนะคะ

จะว่าไปแล้วร่างกายของมนุษย์เราก็คล้ายกับเครื่องจักรนั่นเองค่ะใช้งานทุกวันก็ต้องคอยหมั่นตรวจเช็คสภาพ หมั่นดูแล ทำความสะอาด บำรุงรักษา ให้สามารถใช้งานได้ดีอยู่เสมอ อะไหล่ชิ้นไหนเสียก็ต้องซ่อมแซมเพื่อให้กลับมาใช้งานได้ดังเดิม

ร่างกายของคุณก็ต้องการการดูแลเช่นเดียวกันค่ะ เรามาดูกันนะคะว่าอะไรบ้างที่กินแล้วมีประโยชน์กับร่างกาย ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ แล้วอะไรบ้างที่เราควรจะหลีกเลี่ยง ลองมาดูกันค่ะ...

5 สิ่งที่ควรจะเลือก
  • ผักและผลไม้ ควรกินให้ได้ทุกมื้อนะคะ เพราะว่าอุดมไปด้วยแร่ธาตุ และวิตามิน นอกจากนั้นยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและมะเร็งอีกด้วยค่ะ
  • เมล็ดธัญพืช ข้าวกล้อง และขนมปังไม่ขัดขาว ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามิน E และ B และมีกากใยสูง
  • ผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำ และนมพร่องมันเนย ช่วยในการเสริมสร้างแคลเซียมและช่วยในการบำรุงกระดูก
  • ถั่วเมล็ดแข็งและเมล็ดธัญพืช ให้โปรตีนและไขมันไม่อิ่มตัวที่ดีต่อร่างกาย 
  • ทานอาหารประเภทโปรตีนไขมันต่ำ เช่น เนื้อไก่ไม่ติดมัน ไข่ขาว ปลา
5 สิ่งที่ควรจะเลี่ยง
  • มันฝรั่งทอดไร้ไขมันแบบต่างๆ เพราะทำจากไขมันเทียม ซึ่งจะไปลดประสิทธิภาพของวิตามิน  A D E K ในร่างกายลงค่ะ
  • ของหวานประเภทคุกกี้  เค้ก หรือบราวนี่ เพราะมีน้ำตาลสูง แถมไม่ให้แร่ธาตุและวิตามินอะไรเลยค่ะ
  • อาหารที่มีส่วนผสมของเกลือสูงเพราะจะทำให้เสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจ
  • อาหารที่อุดมไปด้วยไขมันอิ่มตัวสูง เช่นเค้ก อาหารทอด มาร์การีน อาหารแบบนี้เสี่ยงต่อโรคต่างๆมากมายค่ะ
  • ไขมันอิ่มตัว เนย นม และผลิตภัณฑ์จากนมและเนื้อแดงซึ่งมีคอเลสเตอรอลสูง เป็นสาเหตุของหลอดเลือดหัวใจตีบ และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและโรคมะเร็งอีกด้วยค่ะ
ก่อนจะเลือกซื้ออาหารหยุดคิดพิจารณาซักนิดนะคะ เพื่อสุขภาพที่ดีและแข็งแรงค่ะ

ใส่ใจดูแลคนรอบข้างแล้วก็อย่าลืมใส่ใจดูแลสุขภาพตัวคุณเองด้วยค่ะ ได้ผลดีอย่างไรก็ ช่วยกันส่งมอบสุขภาพกายและจิตใจที่ดีให้กับคนที่คุณรักและห่วงใยด้วยนะคะ...  \_^o^_/

ณ วันฝนตก....."


.....ตอนหัวค่ำประมาณสองทุ่มเศษ
หน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
ผู้ชายคนหนึ่ง...วิ่งฝ่าสายฝน
มาอย่างกระหืดกระหอบเพียงเพื่อจะขอหลบภายใต้ชายคาแห่งสถานที่แห่งนั้นเพื่อบรรเทาความเปียกชื้น

ฉับพลัน...
สายตาของเขาเหลือบไปเห็นสาวงามยืนหลบฝนอยู่ใต้ชายคาแห่งนั้นเช่นกัน
สระน้ำพุหน้าห้างฯ ลึกประมาณหัวเข่าขณะนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยน้ำพุกับน้ำฝน ใสดุจราวกับกระจกวางพาดอยู่ ด้วยอารามรีบบวกกับพละกำลังเท่าที่มีอยู่ขณะนั้น ชายหนุ่มควบฝีเท้าด้วยความเร็วประหนึ่งแสง Flash.......( เสียงเพลงประกอบภาพยนตร์ผุดขึ้นมาในหัวทันที )
แต่น....แตน....แต๊น....

ทันใดนั้น..!
เท้าข้างหนึ่งเหยียบลงบนพื้นน้ำใสปานกระจกของสระน้ำพุแห่งนั้น

OMG !!!

จะวิ่งพ้นหรือจะเปียกชื้นกันล่ะคะงานนี้...ให้ทาย
.....
.....
.....
.....
.....
.....
.....
.....
.....

ปรากฏว่า....ตกน้ำ ค่ะคุณขา.....

เดชะบุญ ที่เขาดีดตัวเองขึ้นมาจากสระน้ำพุได้ แล้วก็เดินเข้าห้างไปทั้งตัวเปียกๆ นั่นล่ะค่ะ

          นี่ล่ะค่ะผลจากความประมาท ถ้ารอบคอบอีกสักนิดวิ่งอ้อมสระน้ำไปอีก 2-3 ก้าวก็คงจะไม่เปียกปอนอย่างนี้

         โชคดีนะคะที่เขาไม่ได้เป็นอะไรมาก
แต่ถ้าโชคร้ายอาจจะหัวร้าง ข้างแตก แขนเดาะ ขาหักได้เพราะบริเวณสระน้ำพุนั้นเป็นหินอ่อนและค่อนข้างลื่น

         กับเหตุการณ์หลายๆ เหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของคุณไม่ว่าจะเป็นของคนรอบกาย หรือของตัวคุณเองบางครั้งก็สะท้อนให้เห็นถึงความรอบคอบของคุณ รวมไปถึงอุบัติภัยต่างๆ ที่เกิดขึ้นที่ปรากฏให้เห็นตามสื่อต่างๆ ไม่เว้นแต่ละวัน ก็เป็นผลพวงมาจาก ความประมาทและขาดสติ บวกกับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านอยู่ขณะนั้น การขาดความยับยั้งชั่งใจ กระทำไปโดยหุนหันพลันแล่นไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบที่จะตามมา

        สภาวะแวดล้อมที่อยู่รอบกายคุณบางสิ่งอย่างอาจอยู่เหนือการควบคุมของคุณ แต่คุณสามารถที่จะควบคุมตัวคุณเองได้ค่ะ ปรับอุณหภูมิภายในใจให้เย็นลงสักนิดกับบางเรื่องอะไรที่เกิดขึ้นแล้วยังไม่สามารถแก้ไขได้ลองนิ่งๆ มองพิจารณาดูด้วยสติว่า ก็มันเป็นอย่างนั้น แล้วค่อยๆ คิดหาทางแก้ปัญหาไปทีละขั้นตอนไป เรื่องไหนที่สามารถแก้ไขได้ทันทีไม่มีผลกระทบตามมาก็ทำได้ทันทีค่ะ ถ้ายิ่งแก้ไขแล้วปัญหายิ่งบานปลาย ลองปรับเปลี่ยน วิธีคิดและวิธีการดูใหม่ ควรเลือกวิธีการแก้ปัญหาที่ถูกต้องและเหมาะสมและไม่มีผลกระทบ และไม่ส่งผลไปในทางที่แย่ลงจะดีกว่าค่ะ

ความประมาทเป็นบ่อเกิดของความสูญเสียในหลายๆ เรื่อง


โชคดี ไม่ได้เกิดขึ้นได้บ่อยๆนะคะพึงใช้ชีวิตอยู่ด้วยความมีสติค่ะ...^^


     

ทางออกของปัญหา...

เชื่อว่าทุกคนคงเคยเจอกับปัญหามากันไม่มากก็น้อยซึ่งแตกต่างกันไปตามสถานการณ์ที่พบเจอบางคนอาจใช้เวลาไม่นานนักในการแก้ปัญหา แต่กับบางคนจมอยู่กับปัญหา เป็นวัน เป็นเดือน หรืออาจจะเป็นปี แล้วยิ่งถ้าเป็นปัญหาโลกแตกด้วยแล้วอาจจะนานกว่านั้น....แต่ถึงอย่างไรก็ตาม

" ปัญหาทุกปัญหา...ย่อมมีทางออกเสมอ "

บ่อยครั้งนะคะที่หนทางในการแก้ไขไม่ได้อยู่ที่วิธีการที่จะแก้ปัญหานั้นๆ แต่อยู่ที่จิตใจของเรามากกว่าค่ะว่า...มีความพร้อมเพียงใด...มีกำลังใจแค่ไหน...เราสู้แค่ไหนกันแน่ และก็อาจมีหลายครั้งเช่นกันนะคะ

ที่ปัญหาจบลง  หลังจากการทำใจได้ ให้อภัยกันและกัน โดยไม่ต้องรบราฆ่าฟันหรือชำระความแค้นนั่นเองค่ะ

ปัญหาของใครก็ย่อมเป็นปัญหาของคนนั้นผู้ที่เป็นเจ้าของปัญหาย่อมจะเข้าใจถึงปัญหาและสามารถแก้ไขปัญหาได้ดีที่สุดกว่าทุกคนที่เกี่ยวข้องอยู่ ถ้าหากคุณเป็นเจ้าของปัญหาใดๆ ก็ตาม ดังนั้นคุณก็ควรที่จะรับผิดชอบให้ดีที่สุดกับปัญหาเหล่านั้นค่ะ
อันดับแรกเลยนะคะให้คุณทำใจให้สงบค่ะ อย่าเป็นกังวลกับปัญหาเกินไปนัก พยายามมองปัญหาที่กำลังผชิญอยู่ว่าเป็นสิ่งที่สมควรได้รับการแก้ไขมากว่าที่จะเป็นปัญหาชีวิตที่คอยกัดกร่อนกินใจคุณให้ย่ำแย่ลงไปอีก

หลังจากนั้นคุณก็คอยมองปัญหานั้นไปเรื่อยๆ ค่ะเหมือนคุณกำลังพยายามทำความเข้าใจใครสักคนอยู่ ถึงตอนนั้คุณอาจจพบช่องโหว่เล็กๆ ของปัญหานั้น ซึ่งช่องโหว่เล็กๆ นี้ล่ะค่ะที่จะนำพาคุณไปสู่หนทางในการแก้ปัญหา

แต่อาจมีบางคนเถียงว่าก็คงจะใช้ไม่ได้กับทุกๆปัญหา...คำตอบของปัญหาอาจไม่มีหรือสุดที่จะตอบ... คำตอบก็คือหนทางในการแก้ปัญหาที่มืดแปดด้าน... หรือสายเกินกว่าจะแก้ไขก็หมือนกับแก้วที่แตกไปแล้ว นั่นล่ะค่ะถึงจะประกอบขึ้นใหม่ก็ไม่อาจเป็นเหมือนเดิม

อย่าลืมนะคะว่าปัญหาส่วนใหญ่ต้องใช้เวลาในการแก้ไขเสมอค่ะดังนั้น ความอดทนจึงเป็นสิ่งจำเป็นมากกว่าสิ่งอื่นใดและความใจเย็น จึงเป็นสิ่งที่ควรมีควบคูไปกับความอดทนด้วยค่ะ 

ขอเพียงคุณบอกกับต้วเองว่า ทุกปัญหาย่อมมีทางออกเสมอ คุณก็จะพบทางออกและคลี่คลายปัญหาลงได้ในสักวัน
เพราะอย่างน้อยคุณก็ยังมีความเชื่อมั่นและความหวังว่าคุณจะพบ...ทางออกของปัญหานั่นเอง
แสงสว่างยังคงรอคุณอยู่ที่ปลายอุโมงค์ค่ะ
กัดฟันสู้ไปอีกนิดแล้วชีวิตจะสดใสค่ะ v^^v


ปริศนา 21 วัน...


...เบื่อวันจันทร์...ฝันถึงวันศุกร์...  
 ...เพื่อจะได้มาสนุกกับวันเสาร์-อาทิตย์...

          มนุษย์เงินเดือนหลายๆคน คงรู้สึกแบบนี้กันใช่ไหมคะ ?

           พอถึงวันจันทร์ทีไร ก็มักจะมีอาการครั่นเนื้อ ครั่นตัว ปวดหัว ตัวร้อน นอนไม่อยากตื่นกันเลยทีเดียว ทำงานไปก็เฝ้ารอเมื่อไหร่หนอ...จะวันศุกร์เสียที จะได้ไปแฮปปี้ดี๊ด๊า...ลัลล้า...รีแลกซ์ ในวันเสาร์-อาทิตย์กันให้ชุ่มปอด

          ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นกับผู้คน ไม่น้อยบนโลกใบนี้ โลกที่เป็นพิษอย่างที่คุณไม่ทันนึกถึงไม่ว่าจะเป็นสภาพดินฟ้าอากาศที่แปรปรวน สารพิษที่ปนเปื้อนมากับน้ำ และอาหาร มลพิษในอากาศ หรือ สภาวะของการทำงานที่กดดันต่อสภาพจิตใจ ความตึงเครียดจากการเรียน การขาดสมาธิ ความสงบในการทำงาน  จนทำให้เกิดการเหนื่อยล้าซ้ำซากจนกลายเป็นความจำเจในชีวิตประจำวัน ก่อให้เกิดอาการหงุดหงิด เครียด กังวลใจ ต่างๆ เหล่านี้

          ซึ่งเราไม่สามารถที่จะปิดกั้นพิษจากโลกภายนอกรอบตัวเราได้อย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นควันพิษจากท่อไอเสียรถ หรือพิษภัยที่มากับเทคโนโลยี เช่นโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์

           แต่เราสามารถป้องกันและเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับสุขภาพและเสริมสร้างระบบบำบัดของเสียของร่างกายให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อช่วยในการจัดการ    กับสารพิษที่สะสมในร่างกาย พร้อมกับสัญญาณใหม่ของชีวิตด้วยร่างกายและผิวพรรณที่สดชื่น มีแววตาที่เป็นประกาย หัวใจกระชุ่มกระชวย มีชีวิตชีวา ด้วยการ ลด ละ ล้างพิษด้วยวิธีการที่สามารถทำเองได้ค่ะ

         เพื่อเป็นกำลังใจให้ตัวคุณเองนะคะ ควรเริ่มจากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ทำได้ง่ายๆ บ่อยๆ สม่ำเสมอและต่อเนื่องอย่างน้อย 3 สัปดาห์ลองมาดูกันค่ะแล้วคุณจะรู้ว่า ทำไมต้อง 21วัน

ขอบตาดำ แววตาที่อิดโรยเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าถึงเวลาล้างพิษแล้วค่ะ...  

วิธีล้างพิษ : ง่ายที่สุดคือ งดและเลี่ยงการนำพิษเข้าสู่ร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการับประทานอาหาร  อาหารขยะ สะดวกทาน สะดวกดื่มประเภทต่างๆ อากาศเสีย
  • งดการดื่มน้ำอัดลม
  • งดอาหารประเภทเนื้อ นม เนย ไข่
  • งดอาหารฟาสต์ฟู้ด
  • งดอาหารที่ใส่สารสังเคราะห์ปรุงแต่ง สีกลิ่น รส สารกันบูด
  • งดเกลือจัด
  • งดน้ำตาลจัด
  • งดขนมหวาน เค้ก คุ้กกี้ ช็อคโกแลต 
  • งดชา กาแฟ หันมาดื่มชาสมุนไพรประเภทคาโมมายล์ หรือน้ำขิงแทน
  • งดเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์
  • หลีกเลี่ยงผลไม้ที่เคลือบขี้ผึ้งขัดมันวาวบางชนิดเช่น แอปเปิ้ล ควรเลือกผลไม้ที่ปลูกแบบออร์แกนิคจะปลอดภัยกว่า

  • ดื่มน้ำผัก ผลไม้ที่เป็นมิตรกับร่างกายเพราะมีพลังในการขับท๊อกซินในร่างกายสูงอาหารที่มีส่วนช่วยในการระบายจะช่วยให้ระบบขับถ่ายกำจัดของเสียในร่างกายได้อย่างสมดุลเป็นการชำระล้างภายใน เช่น มะละกอ มะขาม ขี้เหล็ก สตรอว์เบอร์รี่ 
  • ดื่มน้ำเปล่าดีที่สุดค่ะ หรือผลไม้ที่มีน้ำมาก เช่นแตงโม สับปะรด เพราะร่างกายของเรากว่า 60% มีน้ำเป็นส่วนประกอบ คุณควรที่จะจิบน้ำบ่อยๆ ในระหว่างวัน 6-8 แก้วต่อวัน บางครั้งรู้สึกว่าร่างกายมีปัญหาบางอย่างอาจเนื่องมาจากภาวะขาดน้ำ เช่น ผิวพรรณแห้งดูไม่ผ่องใส คอแห้งปากแห้ง ปัสสาวะข้น มีสีเข้ม ให้ดื่มน้ำเปล่า หรือทานผลไม้ที่มีน้ำมาก หรือพรมน้ำใส่หน้าก็ช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นค่ะ
  • สาหร่าย ช่วยในการขับของเสียออกจากร่างกาย เปลี่ยนจากทานขนมกรุบกรอบมาทานสาหร่ายอบกรอบที่ไม่เติมผงชูรสดีกว่าค่ะ
  • เลี่ยงน้ำสลัดที่วางขายในซุปเปอร์มาร์เก็ตเพราะมีส่วนผสมของน้ำตาลสูง รับประทานน้ำสลัดที่ทำเองดีกว่าค่ะเพราะคุณสามารถคุมปริมาณน้ำตาลไม่ให้มีรสหวานจัดได้
  • ผลไม้อบแห้ง เมล็ดธัญพืชอบแห้งที่ไม่ใส่เกลือ เค้กธัญพืชหรือเค้กกล้วยหอมที่ไม่อุดมไปด้วยนมเนย จัดว่าเป็นของว่างที่ดีค่ะ
  • โยเกิร์ต มีแลคโตบาซิลลัสซึ่งเป็นแบคทีเรียที่ดีต่อลำไส้และร่างกายของคุณทำให้ระบบขับถ่ายและลำไส้ของคุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและป้องกันการเกิดมะเร็งลำไส้ได้อีกด้วย
  • เติมไขมันที่ดีอย่างพวก โอเมก้า 3 ซึ่งมีมากในปลาทะเล เช่นปลาแมกเคอเรล ปลาซาร์ดีน ปลาแซลมอน โอเมก้า 3 ยังมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงจากโรคมะเร็ง ทำให้ผิวพรรณดี
  • บริโภค กระเทียม  น้ำแครอท น้ำบีทรูท และองุ่นแดง ล้วนเป็นมิตรที่ดีต่อตับของคุณค่ะ
  • ส่วนแตงโม น้ำผึ้ง ฟ้าทะลายโจร กระเทียมจัดเป็นมิตรที่ดีกับไตของคุณอีกด้วยค่ะ
อย่างไรก็ตามคุณก็ยังคงต้องอยู่ร่วมกับสารพิษต่อไปบนโลกนี้ สาเหตุนี้ล่ะค่ะที่คุณต้องเลี่ยงและหมั่นล้างพิษอย่างสม่ำเสมอ บริโภคอาหารที่ถูกต้อง  ออกกำลังกาย อย่างสม่ำเสมอ และสำคัญที่สุดต้องนอนพักผ่อนให้เพียงพอทำให้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของคุณ เพื่อที่คุณจะได้ตื่นมาสวัสดีกับวันจันทร์ได้อย่างสดชื่น...น

ลองดูนะคะ 21 วันกับคุณคนใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพ อย่างน้อยก็ช่วยให้คุณรู้สึกดีกับวันจันทร์ขึ้นมาบ้าง...\^^/

กาย...ใจ...

เคยเป็นแบบนี้กันบ้างไหมคะ ?

ในขณะที่ร่างกายแข็งแรงดีมีพลังมากมายก็มักจะมีแต่เรื่องที่ทำให้ขุ่นข้องหมองจิต บั่นทอนใจหรือมีหตุให้ต้องขบคิด ต้องแก้ปัญหา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรัก หน้าที่การงาน การศึกษา การเงิน ความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นของตัวคุณเอง หรือคนในครอบครัวปัญหาต่างๆ นานาพากันรุมเร้าจนในบางครั้งแทบไม่อยากจะลุกขึ้นมาทำอะไรหรือแทบอยากจะลาโลกไปเลยทีเดียว...

และในบางขณะที่คุณอารมณ์กำลังดีๆ สมองกำลังแล่น พลังหรือไฟในตัวคุณกำลังลุกโชน อยากจะลุกขึ้นมาทำสิ่งดีๆ ให้กับคนรอบข้าง และตัวคุณเองขึ้นมาบ้างร่างกายของคุณก็กลับไม่เอื้ออำนวยที่จะทำสิ่งต่างๆ ไปเสียอย่างนั้น อาจจะด้วยสภาพดินฟ้า อากาศที่แปรปรวนที่ทำให้ครั่นเนื้อครั่นตัว หรือไม่ก็อุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดทำให้เกิดการบาดเจ็บทางร่างกายไม่สามารถช่วยเหลือใครได้แม้กระทั่งตัวเองมันช่างน่าท้อใจนะคะ...

อาการที่กายกับใจไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกันแบบนี้ ก็เป็นเพราะร่างกายกับจิตใจ ทำงานไม่สมดุลกันนั่นเองค่ะ

ถ้าร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงและและมีกำลังใจที่เข้มแข็งดีและอยู่ในสภาวะที่สมดุล ทั้งความคิดและการกระทำก็จะดำเนินควบคู่กันไปได้เป็นอย่างดี ความคิดไหลลื่น และลงมือทำไปได้ดวยความกระฉับกระเฉงอย่างมีความสุข สบายๆ ไปกับความคิดและการกระทำในทุกเรื่องกับทุกปัญหา โดยไม่รู้สึกกังวลหรือเครียดกับสิ่งที่ทำอยู่ขณะนั้น นั่นคือความสมดุลของร่างกายและจิตใจค่ะ

ดูเหมือนง่ายแต่ก็ไม่ง่ายนะคะ บางเรื่อง บางสถานการณ์ และบางเวลา ต้องอาศัยความอดทน อดกลั้นเป็นตัวตั้งถ้าหากมีตัวแปรอื่นเข้ามาแทรกแซงจนทำให้ความคิดและการกระทำไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกันจนเกิดเป็นความกดดัน และความตึงเครียด มีตัวช่วยมาฝากนะคะ มาดูกันค่ะว่ามีสิ่งใดพอจะช่วยปรับความสมดุลให้กับคุณได้บ้าง....

  • ออกกำลังกาย กายบริหารที่ช่วยปรับสมดุลของร่างกายและจิตได้เป็นอย่างดี ก็คือ โยคะ (yoga) และยังช่วยทำให้คุณมีสมาธิและมีรูปร่างทรวดทรงที่สวยงามขึ้นอีกด้วย  
  • พักผ่อนให้เพียงพอ กับความต้องการของร่างกายของคุณควรเข้านอนให้เป็นเวลาทุกคืนไม่ควรเกิน 4 ทุ่มนะคะ 7-8 ชั่วโมงต่อคืนกำลังดี จะช่วยชะลอวัยของคุณให้ดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ
  • รับประทานอาหารให้ถูกหลักโภชนาการ ในแต่ละวันเพียงพอและเหมาะสมกับความต้องการของร่างกายเพื่อสุขภาพที่ดีจากภายในสู่ภายนอก
  • การทำสมาธิ  จะช่วยให้คุณผ่อนคลายจิตใจและผ่อนคลายกล้ามเนื้อ และยังช่วยให้เกิดสมาธิที่ดีในการทำภารกิจต่างๆในชีวิตประจำวัน
  • หมั่นดูแลร่างกายและจิตใจ ให้สะอาดและมีสุขภาพดีอยู่เสมอ 
5 ข้อเบาๆ กับการปรับสมดุลให้กับร่างกายและจิตใจค่ะ ไม่มากไม่น้อยกับการลดความคับข้องใจในเวลาที่กายกับใจไม่สามัคคีกัน ค่อยๆ ปรับ ค่อยๆ เปลี่ยน แล้วจะดีขึ้นตามลำดับค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ ^^v...

สะกดใจ...

คงไม่มีใครใช่ไหมคะ ?...

ที่ไม่เคยสัมผัสกับความรู้สึกวิตกกังวล เครียด เศร้า ทุกข์ ท้อแท้ เหนื่อยหน่าย หมดกำลังใจ ความรู้สึกต่างๆในจิตใจเหล่านี้ล่ะค่ะ อาจจะเกิดจากหลายๆ สาเหตุ อาทิ การงาน การเงิน การศึกษา ความรัก ปัญหาชีวิต ความกดดันจากผู้คนรอบกาย


ไม่ว่าจะเป็น...

ตกงาน หนี้บานเบอะ หวยกิน รายรับไม่สัมพันธ์กับรายจ่าย สอบตก อกหัก รักคุด ตุ๊ดเมิน เผชิญโชคร้าย ต่างๆ นานา ก็ว่ากันไปนะคะ

นอกจากนี้ยังอาจเกิดจาก...สภาวะสิ่งแวดล้อมไม่ว่าจะเป็นจากที่บ้าน  สถานศึกษา ที่ทำงาน บนท้องถนน มลภาวะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศที่แปรปรวน (จนบางคนอาจจะอยากแก้ผ้าเดินให้มันรู้แล้วรู้รอดไป >.<") เสียงที่ดังรบกวนจากผู้คนจนถึงเสียงสัตว์ กลิ่นเหม็น ควันรถ  ฯลฯ ต่างๆ เหล่านี้เองค่ะ ที่เป็นตัวที่คอยสูบพลังชีวิตของเราให้ลดน้อยลงไปทุกที

ตั้งแต่ตื่นลืมตา จนกระทั่งเข้านอน ใครเจอสิ่งที่กล่าวมานี้ทั้งวัน เชื่อขนมกินได้เลยค่ะว่าร้อยทั้งร้อย ไม่มีใครอยากตื่นกันเลยทีเดียว

ร่างกายของคุณก็เหมือนกับแบตเตอรี่นั่นเองค่ะ เมื่อใช้พลังงานจนหมดก็ต้องชาร์จเพิ่มเติมเข้าไปสะสมไว้ใช้งานใหม่ ในแต่ละวันคุณต่างมีกิจกรรมทำกันมากมายแตกต่างกันไปในแต่ละวัย ไม่ว่าจะเป็น วัยเด็ก วัยเรียน วัยทำงาน และวัยผู้สูงอายุซึ่งต่างก็หมดไปทั้งพลังกายและพลังสมอง บ้างใช้แรงงานมากก็หมดพลังกาย บ้างก็ใช้ความคิดในการแก้ไขปัญหาก็หมดพลังงานสมอง บ้างก็ใช้ทั้งแรงกายบวกกับใช้ความคิดแก้ปัญหา พลังงานก็จะหมดไวกว่า

ดังนั้นร่างกายก็ต้องการพักผ่อน ในบางครั้งแค่การนอนหลับ หรือการพักผ่อนในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกิน เที่ยว ดื่ม สังสรรค์ ดูหนัง ฟังเพลง ช้อปปิ้ง เล่นเกมส์ รับประทานอาหารเสริม ออกกำลังกาย ฯลฯ อาจจะไม่เพียงพอสำหรับบางคน
บางครั้งผู้เขียนก็แปลกใจว่า...เอ๊ะ ! ทำไมนะ  ทำทุกอย่างแล้วก็ยังรู้สึกเหนื่อยล้า ท้อแท้ อ่อนเปลี้ยเพลียแรงอยู่เหมือนเดิม ซึ่งกระทำเหล่านั้นเป็นการดูแลเยียวยาแต่เพียงภายนอกค่ะ

พบว่าสาเหตุที่แท้จริงแล้วเกิดจากปัญหาภายในจิตใจของคุณเองต่างหากที่ยังไม่สงบ ไม่นิ่ง ขาดสมาธิ และไม่ว่างพอ ร่างกายคุณได้พักแต่จิตใจของคุณไม่ได้พักเลย มีแต่ปัญหาต่างๆ เข้ามาให้คุณต้องขบคิดเรื่องนั้น เรื่องนี้ มีเข้ามาวนเวียนอยู่ตลอดเวลา ดังประโยคที่ว่า ...

" ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว "คุ้นหูคุ้นตากับประโยคนี้ไหมคะ ?

ดังนั้นคุณจึงควรที่จะพักจิตใจของคุณควบคู่ไปด้วยเช่นกัน

สาธยายมาเสียยืดยาวเข้าเรื่องกันดีกว่าค่ะ

คุณเคยได้ยินหรือผ่านตาเกี่ยวกับเรื่องของ
" การสะกดจิต " ไหมคะ ?

ศาตร์แห่งการสะกดจิต ฟังดูแล้วเหมือน ลึกลับ ดูน่ากลัว แต่จริงๆ แล้วไม่น่ากลัวอย่างที่คิดหรอกค่ะ และเราก็สามารถทำได้ด้วยตัวเองค่ะ เป็นเหมือนการค้นหาโลกภายใน และควบคุมชิวิตให้มีสติเพิ่มขึ้นค่ะ ใครที่ช่วงนี้ รู้สึกว่ามีอาการดังที่กล่าวมาในบทความตอนต้นลองทำตามดูค่ะ
  • นั่งในท่าที่สบายๆ ในห้องที่เงียบสงบๆ
  • เหลือบตาขึ้นจับจ้องที่จุดสมมติบนเพดานจนกว่าจะรู้สึกล้า
  • ขณะที่มองเพดานนั้นให้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วนับ 1-10 อย่างช้าๆในใจ
  • จากนั้นค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกอย่างช้าๆ พร้อมกับพูดว่า  "ผ่อนคลาย"  ทำซ้ำสองครั้ง
  • หายใจเข้าลึกๆอีกครั้ง ผ่อนลมหายใจออกค่อยๆหลับตาลง  แล้วบอกตัวเองให้...ผ่อนคลาย
  • จินตนาการว่าร่างกายของคุณนั้นไร้น้ำหนักและกำลังล่องลอยขึ้นไปเรื่อยๆอย่างเบาสบาย
  • ในจินตนาการนั้น ให้คุณรู้สึกว่าคุณกำลังล่องลอยไปสู่ภูเขาที่สูงมีหญ้าสีเขียวขึ้นปูลาดไปทั่วภูเขาอย่างนุ่มนวล แล้วค่อยๆนับถอยหลังช้าๆ .....5 .....4 .....3 .....2.....1 
  • จากนั้นให้คุณตั้งจิตแน่วแน่แล้วมุ่งไปยังเป้าหมายของคุณ เช่น "ฉันจัดการเรื่องต่างๆ ได้", "ฉันเชื่อมั่นในตนเอง"
  • ใช้จินตนาการย้ำกับตัวเองว่า "ฉันเป็นคนใหม่แบบที่ต้องการจริงๆ"
  • ใช้เวลาประมาณ 10-20 นาที ก่อนจะถอยตัวออกมาแล้วนับ 1.....2.....3.....4.....5 
  • ก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้นด้วยความรู้สึกที่สดชื่น
ลองทำเป็นประจำก่อนนอนนะคะพอตื่นเช้ามาคุณจะรู้สึกเหมือนมีพลังขึ้นค่ะ  เป็นวิธีการที่ช่วยชาร์จพลังชีวิตขึ้นมาได้ดีอีกวิธีหนึ่งเลยทีเดียวค่ะ...\' '/