ที่ไม่เคยสัมผัสกับความรู้สึกวิตกกังวล เครียด เศร้า ทุกข์ ท้อแท้ เหนื่อยหน่าย หมดกำลังใจ ความรู้สึกต่างๆในจิตใจเหล่านี้ล่ะค่ะ อาจจะเกิดจากหลายๆ สาเหตุ อาทิ การงาน การเงิน การศึกษา ความรัก ปัญหาชีวิต ความกดดันจากผู้คนรอบกาย
ไม่ว่าจะเป็น...
ตกงาน หนี้บานเบอะ หวยกิน รายรับไม่สัมพันธ์กับรายจ่าย สอบตก อกหัก รักคุด ตุ๊ดเมิน เผชิญโชคร้าย ต่างๆ นานา ก็ว่ากันไปนะคะ
นอกจากนี้ยังอาจเกิดจาก...สภาวะสิ่งแวดล้อมไม่ว่าจะเป็นจากที่บ้าน สถานศึกษา ที่ทำงาน บนท้องถนน มลภาวะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศที่แปรปรวน (จนบางคนอาจจะอยากแก้ผ้าเดินให้มันรู้แล้วรู้รอดไป >.<") เสียงที่ดังรบกวนจากผู้คนจนถึงเสียงสัตว์ กลิ่นเหม็น ควันรถ ฯลฯ ต่างๆ เหล่านี้เองค่ะ ที่เป็นตัวที่คอยสูบพลังชีวิตของเราให้ลดน้อยลงไปทุกที
ตั้งแต่ตื่นลืมตา จนกระทั่งเข้านอน ใครเจอสิ่งที่กล่าวมานี้ทั้งวัน เชื่อขนมกินได้เลยค่ะว่าร้อยทั้งร้อย ไม่มีใครอยากตื่นกันเลยทีเดียว
ร่างกายของคุณก็เหมือนกับแบตเตอรี่นั่นเองค่ะ เมื่อใช้พลังงานจนหมดก็ต้องชาร์จเพิ่มเติมเข้าไปสะสมไว้ใช้งานใหม่ ในแต่ละวันคุณต่างมีกิจกรรมทำกันมากมายแตกต่างกันไปในแต่ละวัย ไม่ว่าจะเป็น วัยเด็ก วัยเรียน วัยทำงาน และวัยผู้สูงอายุซึ่งต่างก็หมดไปทั้งพลังกายและพลังสมอง บ้างใช้แรงงานมากก็หมดพลังกาย บ้างก็ใช้ความคิดในการแก้ไขปัญหาก็หมดพลังงานสมอง บ้างก็ใช้ทั้งแรงกายบวกกับใช้ความคิดแก้ปัญหา พลังงานก็จะหมดไวกว่า
ดังนั้นร่างกายก็ต้องการพักผ่อน ในบางครั้งแค่การนอนหลับ หรือการพักผ่อนในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกิน เที่ยว ดื่ม สังสรรค์ ดูหนัง ฟังเพลง ช้อปปิ้ง เล่นเกมส์ รับประทานอาหารเสริม ออกกำลังกาย ฯลฯ อาจจะไม่เพียงพอสำหรับบางคน
บางครั้งผู้เขียนก็แปลกใจว่า...เอ๊ะ ! ทำไมนะ ทำทุกอย่างแล้วก็ยังรู้สึกเหนื่อยล้า ท้อแท้ อ่อนเปลี้ยเพลียแรงอยู่เหมือนเดิม ซึ่งกระทำเหล่านั้นเป็นการดูแลเยียวยาแต่เพียงภายนอกค่ะ
พบว่าสาเหตุที่แท้จริงแล้วเกิดจากปัญหาภายในจิตใจของคุณเองต่างหากที่ยังไม่สงบ ไม่นิ่ง ขาดสมาธิ และไม่ว่างพอ ร่างกายคุณได้พักแต่จิตใจของคุณไม่ได้พักเลย มีแต่ปัญหาต่างๆ เข้ามาให้คุณต้องขบคิดเรื่องนั้น เรื่องนี้ มีเข้ามาวนเวียนอยู่ตลอดเวลา ดังประโยคที่ว่า ...
" ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว "คุ้นหูคุ้นตากับประโยคนี้ไหมคะ ?
ดังนั้นคุณจึงควรที่จะพักจิตใจของคุณควบคู่ไปด้วยเช่นกัน
สาธยายมาเสียยืดยาวเข้าเรื่องกันดีกว่าค่ะ
คุณเคยได้ยินหรือผ่านตาเกี่ยวกับเรื่องของ
" การสะกดจิต " ไหมคะ ?
ศาตร์แห่งการสะกดจิต ฟังดูแล้วเหมือน ลึกลับ ดูน่ากลัว แต่จริงๆ แล้วไม่น่ากลัวอย่างที่คิดหรอกค่ะ และเราก็สามารถทำได้ด้วยตัวเองค่ะ เป็นเหมือนการค้นหาโลกภายใน และควบคุมชิวิตให้มีสติเพิ่มขึ้นค่ะ ใครที่ช่วงนี้ รู้สึกว่ามีอาการดังที่กล่าวมาในบทความตอนต้นลองทำตามดูค่ะ
- นั่งในท่าที่สบายๆ ในห้องที่เงียบสงบๆ
- เหลือบตาขึ้นจับจ้องที่จุดสมมติบนเพดานจนกว่าจะรู้สึกล้า
- ขณะที่มองเพดานนั้นให้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วนับ 1-10 อย่างช้าๆในใจ
- จากนั้นค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกอย่างช้าๆ พร้อมกับพูดว่า "ผ่อนคลาย" ทำซ้ำสองครั้ง
- หายใจเข้าลึกๆอีกครั้ง ผ่อนลมหายใจออกค่อยๆหลับตาลง แล้วบอกตัวเองให้...ผ่อนคลาย
- จินตนาการว่าร่างกายของคุณนั้นไร้น้ำหนักและกำลังล่องลอยขึ้นไปเรื่อยๆอย่างเบาสบาย
- ในจินตนาการนั้น ให้คุณรู้สึกว่าคุณกำลังล่องลอยไปสู่ภูเขาที่สูงมีหญ้าสีเขียวขึ้นปูลาดไปทั่วภูเขาอย่างนุ่มนวล แล้วค่อยๆนับถอยหลังช้าๆ .....5 .....4 .....3 .....2.....1
- จากนั้นให้คุณตั้งจิตแน่วแน่แล้วมุ่งไปยังเป้าหมายของคุณ เช่น "ฉันจัดการเรื่องต่างๆ ได้", "ฉันเชื่อมั่นในตนเอง"
- ใช้จินตนาการย้ำกับตัวเองว่า "ฉันเป็นคนใหม่แบบที่ต้องการจริงๆ"
- ใช้เวลาประมาณ 10-20 นาที ก่อนจะถอยตัวออกมาแล้วนับ 1.....2.....3.....4.....5
- ก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้นด้วยความรู้สึกที่สดชื่น
No comments:
Post a Comment